บทคัดย่อ:รายงานของ French Hill เปิดเผยว่าธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ ถูกจำกัดการเข้าถึงบริการธนาคารอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายสตาร์ทอัพปิดตัวหรือย้ายฐาน แต่ในปี 2025 กฎเกณฑ์ใหม่ เช่น กฎหมายควบคุม Stablecoin และกฎหมายกำกับตลาดดิจิทัล ทำให้ธุรกิจคริปโตกลับเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น นักลงทุนมั่นใจขึ้น และสถาบันการเงินเริ่มกลับมาให้บริการอีกครั้ง นโยบายชัดเจนขึ้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตคริปโตอย่างมั่นคงในสหรัฐฯ

แอดเหยี่ยวขอพามาเจาะลึกหนึ่งในรายงานที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในวงการคริปโตสหรัฐฯ เมื่อ French Hill ประธานคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎร ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่เรียกได้ว่าเขย่าวงการคริปโตและการเงินทั่วโลก รายงานฉบับนี้ได้ชี้ให้เห็นเครือข่ายนโยบายที่เคยถูกใช้เพื่อจำกัดการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบ จนหลายคนในวงการถึงขั้นเรียกมันว่า “Operation Choke Point 2.0”
ที่สำคัญคือ รายงานระบุชัดว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ ถูก “ตัดท่อน้ำเลี้ยง” โดยทางการอย่างต่อเนื่อง ธนาคารถูกกดดันให้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ธุรกิจจำนวนมากดำเนินงานได้ยากลำบาก และนี่คือเหตุผลที่หลาย Startup ในยุคนั้นต้องปิดตัว หรือต้องย้ายฐานไปประเทศอื่นที่เปิดกว้างกว่า
แอดเหยี่ยวสรุปมาให้ครบ ตั้งแต่เบื้องหลังการบีบคออุตสาหกรรม ไปจนถึงทิศทางใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 แบบเล่าให้ฟัง เข้าใจง่าย และอิงข้อมูลจริงทุกจุด
มาตรการ “บีบคริปโต” ที่ถูกซ่อนอยู่
รายงานฉบับนี้เผยให้เห็นกลยุทธ์ที่ถูกใช้กดดันธนาคารให้ถอยห่างจากบริษัทคริปโตอย่างแยบยล ด้วยการสร้างความกลัวผ่านการบังคับใช้กฎหมายแบบคลุมเครือ หน่วยงานรัฐหลายแห่งใช้ดุลพินิจเกินขอบเขต ทำให้ธนาคารเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบหากรับลูกค้ากลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล
ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ยังใช้วิธี “เชือดไก่ให้ลิงดู” เล่นงานบริษัทคริปโตด้วยคดีความจำนวนมาก ในขณะที่ธนาคารกลาง (Fed) ก็ออกมาตรการกำกับเข้มงวดจนธนาคารไม่กล้าแตะลูกค้ากลุ่มนี้เลยด้วยซ้ำ
ผลลัพธ์คืออุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ ถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น บัญชีธนาคาร หรือช่องทางชำระเงิน ซึ่งเป็นเหมือนลมหายใจสำคัญของธุรกิจทุกประเภท
ยุคใหม่เริ่มคลี่คลาย – สหรัฐฯ หันมา “เปิดทาง” ให้คริปโตมากขึ้น
แต่เรื่องราวไม่ได้จบแค่นั้น รายงานระบุว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจนในยุคผู้นำปัจจุบัน
หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มยกเลิกกฎเก่าๆ ที่เคยเป็นอุปสรรค และเลือกเดินหน้าสร้างระบบกฎหมายใหม่แทน การประสานงานระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสก็เป็นไปในทิศทางบวก ทำให้หลายกฎหมายสำคัญผ่านความเห็นชอบ เช่น
- กฎหมายควบคุมผู้ออก Stablecoin — ถือเป็นกฎหมายคริปโตฉบับหลักฉบับแรกของประเทศ
- กฎหมายกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร — ช่วยสร้างกรอบที่ชัดเจนให้ทั้งบริษัทและนักลงทุน
ถึงแม้ Bitcoin ในปี 2025 จะผันผวนแรง พุ่งทะลุ 126,000 ดอลลาร์ก่อนจะปรับฐาน แต่กฎหมายที่เริ่มชัดเจนขึ้นส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมแข็งแรงกว่าเดิมมาก ธุรกิจใหม่เข้ามาได้ง่ายขึ้น นักลงทุนมั่นใจขึ้น และสถาบันการเงินเริ่มกลับมาให้บริการบริษัทคริปโตอีกครั้ง
สรุป
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า “นโยบาย” สามารถสร้างหรือทำลายอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมได้ในพริบตา และคริปโตเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
แต่ในปี 2025 กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนขึ้นกำลังเปิดเส้นทางใหม่ให้คริปโตเติบโตอย่างมั่นคงกว่าเดิม และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่สหรัฐฯ กลับมานำหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีการเงินอีกครั้ง
แอดเหยี่ยวจะคอยติดตามทุกความเคลื่อนไหวและเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายเหมือนเดิม เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ข่าวต่างประเทศ แต่มันสะเทือนทั้งตลาดคริปโต ทองคำ หุ้น และแม้แต่นักเทรด Forex ก็ต้องจับตาเช่นกัน.
โดนหลอกโดนโกง อย่าเก็บไว้คนเดียว แอดเหยี่ยวช่วยได้!
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการใช้โบรกเกอร์ไม่ว่าจะโดนโกง ถอนเงินไม่ได้ หรือเจอพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เราอยากบอกว่า… คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้คนเดียว เพื่อให้วงการ Forex เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น มาเล่าให้เราฟังหน่อยนะครับ ว่าเจออะไรมาบ้าง ทีมงานของเราจะนำข้อมูลไปช่วยวิเคราะห์ และจะติดต่อกลับเพื่อดูว่าเราพอจะช่วยอะไรได้บ้าง
คลิกตรงนี้เพื่อเล่าให้เราฟัง : https://forms.gle/YhR5UGA41pZT62Fo8

อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
