简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
ทลายร้านแลกคริปโตเถื่อน! เงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้าน โยงธุรกิจสีเทา-ข้ามชาติ
บทคัดย่อ:ตำรวจสอบสวนกลางบุกค้น 8 ร้านแลกคริปโตเถื่อนในกรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต หลังพบมีเงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท เชื่อมโยงอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งค้ายา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และฟอกเงิน ร้านเหล่านี้ไม่มีใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ให้บริการเฉพาะชาวต่างชาติ ไม่รับลูกค้าไทย และซ่อนโครงสร้างบริษัทซับซ้อน ตำรวจเตือน! ระวังทำธุรกรรมกับร้านผิดกฎหมาย อาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมฟอกเงินโดยไม่รู้ตัว

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดปฏิบัติการ “Crypto Phantom เปิดหน้ากากร้านแลกเหรียญเถื่อน” ตรวจค้นร้านรับแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี 8 แห่งในกรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ
ตรวจยึดของกลาง-เชื่อมโยงเงินผิดกฎหมายหลากหลายรูปแบบ
การตรวจค้นนำโดย กก.3 บก.ปอศ. ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ซึ่งมุ่งเน้นการปราบปรามการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือฟอกเงินและกระทำผิดกฎหมาย พบว่าร้านเหล่านี้ไม่มีใบอนุญาตจาก สำนักงาน ก.ล.ต. แต่ยังเปิดให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตอย่างเสรี
ตรวจยึดของกลางหลายรายการ เช่น
- อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- สมุดบัญชีธนาคาร
- โทรศัพท์มือถือ
- กล้องวงจรปิด
- เอกสารทะเบียนบริษัท
- เอกสารการเสียภาษี
- เหรียญโลหะลักษณะคล้ายคริปโตเคอเรนซีจำนวนมาก จากตู้เซฟในร้านหนึ่งที่ภูเก็ต (อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นเหรียญทองหรือวัสดุชนิดใด)

เงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท พัวพันแก๊งอาชญากรรม
การสืบสวนพบว่า ธุรกิจเหล่านี้มีการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 1,000 รายการ รวมมูลค่ากว่า 425,104,595 USDT หรือประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยใช้กระเป๋าบล็อกเชนแบบไม่ระบุตัวตนและระบบบัญชีม้า (คนกลางรับโอนเงินแทน) ทำให้ยากต่อการติดตามเส้นทางเงิน
เงินที่หมุนเวียนส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ
- ค้ายาเสพติด
- แก๊งคอลเซ็นเตอร์
- การเรียกค่าไถ่
- สงคราม

โดยมีข้อมูลว่าเงินบางส่วนถูกนำไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัด ภูเก็ต และ ชลบุรี และอีกบางส่วนโยงกับคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน กว่า 10 คดี
ลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ ร้านไม่ให้บริการคนไทย
ร้านเป้าหมายทั้งหมดเน้นให้บริการลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น จีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ โดย ไม่รับให้บริการคนไทย และแสดงชัดเจนผ่านป้ายหน้าร้าน รวมถึงการใช้พนักงานต่างชาติเป็นหลัก
โครงสร้างบริษัทพบว่า
- เจ้าของและผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็น คนไทย
- แต่มี คู่สมรสเป็นชาวต่างชาติ
- ใช้ชื่อคนไทยจดทะเบียนบริษัท
- แหล่งเงินทุนหลักมาจากคู่สมรสชาวต่างชาติ
ไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ใหม่
แม้ร้านเหล่านี้จะมีใบอนุญาตแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่กลับไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจาก ก.ล.ต. ซึ่งเป็นข้อบังคับตาม พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568
การฝ่าฝืนมีโทษ
- จำคุก 2-5 ปี
- ปรับ 200,000–500,000 บาท
- และ ปรับรายวันไม่เกินวันละ 10,000 บาท
นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงินและฉ้อโกงด้วย
เตรียมออกหมายเรียกเจ้าของร้าน 12 ราย
เบื้องต้นพบเจ้าของร้านและกรรมการผู้ถือหุ้นรวม 12 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างออกหมายเรียกเข้าสอบปากคำ และมีอย่างน้อย 5 รายที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
ตำรวจเตือนประชาชน ให้ระมัดระวังการทำธุรกรรมกับผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการฟอกเงินโดยไม่รู้ตัว และย้ำว่าธุรกิจแลกเปลี่ยนคริปโตเถื่อนนั้นสร้างความเสียหายกับระบบเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรงในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก CIB และ ช่อง 3 เอชดี
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ฝันร้ายซ้ำซ้อน! หุ้นทิพย์ CST Securities – VELTRIX ทำนักลงทุนสูญเงินกว่า 27 ล้าน
เกิดกรณีหลอกลงทุน “หุ้นทิพย์” ในไทย โดยแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อบริษัท CST Securities และ VELTRIX เพื่อชักชวนผู้คนผ่านไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เปิดบัญชีลงทุน โดยแสดงผลกำไรปลอมเพื่อหลอกให้โอนเงินจริง ก่อนปิดกั้นการถอนเงิน ส่งผลให้ผู้เสียหายสูญเงินรวมกว่า 27 ล้านบาท เหตุการณ์นี้เป็น Hybrid Scam ที่ผสมผสานการหลอกหลายขั้นตอน ใช้ภาพลักษณ์ของบริษัทถูกกฎหมายสร้างความน่าเชื่อถือ เจ้าหน้าที่เตือนให้นักลงทุนตรวจสอบใบอนุญาตและชื่อโบรกเกอร์ให้ถูกต้อง ไม่โอนเงินเข้าบัญชีบุคคล และระมัดระวังต่อคำชักชวนผลตอบแทนสูงเกินจริง เพราะ “ไม่มีการลงทุนใดปราศจากความเสี่ยง”

นักลงทุนไทยโดนหนัก! โค้ชสอน Copy Trade สูญเงินกว่า 10 ล้าน
เกิดเหตุสะเทือนวงการลงทุน เมื่อกลุ่มนักเทรดไทยร้องเรียนต่อ ตำรวจไซเบอร์ สอท.1 หลังถูกหลอกให้ลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Copy Trade ตามคำแนะนำของโค้ชชื่อดัง สูญเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยโค้ชอ้างการันตีกำไรวันละ 5% แต่ภายหลังกลับหายตัวไปพร้อมพอร์ตที่แตกทั้งหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นการ ฉ้อโกงทางการเงินหรือความเสี่ยงจากการลงทุนจริง ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังบริการที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง และลงทุนบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและความรอบคอบ.

คริปโตลุกเป็นไฟ! เทขายกระหน่ำ 1.2 พันล้านดอลลาร์ พอร์ตนักเทรดแตกยับ
ตลาดคริปโตกลับมาระอุอีกครั้งเมื่อราคา Bitcoin ดิ่งแรงแตะ 105,000 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ส่งผลให้เกิด “คลื่นล้างพอร์ต” มูลค่ากว่า 1.16 พันล้านดอลลาร์ทั่วตลาด ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบเดือน ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่าเพียงชั่วโมงแรกมีนักเทรดถูกล้างพอร์ตกว่า 191 ล้านดอลลาร์ โดยแพลตฟอร์ม Hyperliquid ได้รับผลกระทบมากที่สุดกว่า 240 ล้านดอลลาร์ แม้ BTC จะรีบาวด์กลับมาบริเวณ 106,400 ดอลลาร์ แต่แรงซื้อยังไม่หนาแน่นพอ ขณะที่ความหวังของ Altcoin Season ถูกสั่นคลอน เหลือเพียง ZCash (ZEC) ที่พอเคลื่อนไหวสวนตลาดได้เล็กน้อย

รวบ “จีนเทา” เอี่ยวแชร์ลูกโซ่คริปโต FINTOCH มูลค่ากว่า 456 ล้าน ซุกตัวในบ้านหรู
คดีสะเทือนวงการคริปโตไทยเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 บุกจับกุมนายเหลียง ไอ่-ปิง สัญชาติจีน หัวหน้าเครือข่ายแชร์ลูกโซ่คริปโต “FINTOCH” ที่ก่อคดีหลอกลวงนักลงทุนในจีน มูลค่าความเสียหายกว่า 456 ล้านบาท ภายในบ้านพักหรูย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ โดยพบว่าผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างหรูหราและครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย FINTOCH ถูกสร้างขึ้นโดยอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนให้ผลตอบแทนสูง แต่แท้จริงคือโครงการหลอกลวงที่นำเงินนักลงทุนหนีออกนอกประเทศ การจับกุมครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างไทยและจีน และถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญให้ผู้ลงทุนระมัดระวังแพลตฟอร์มคริปโตที่ไม่น่าเชื่อถือ แม้เทคโนโลยีบล็อกเชนจะโปร่งใส แต่ “คน” ยังคงเป็นจุดอ่อนที่เสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง.
WikiFX โบรกเกอร์
STARTRADER
FXTM
Vantage
D prime
XM
IC Markets Global
STARTRADER
FXTM
Vantage
D prime
XM
IC Markets Global
WikiFX โบรกเกอร์
STARTRADER
FXTM
Vantage
D prime
XM
IC Markets Global
STARTRADER
FXTM
Vantage
D prime
XM
IC Markets Global
