简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
แชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก! เกิดจากคนนี้
บทคัดย่อ:เบอร์นี แมดอฟฟ์ สร้างความน่าเชื่อถือจากบทบาทในวงการการเงินและภาพลักษณ์ธุรกิจครอบครัว เพื่อดำเนินแผน Ponzi Scheme ที่แนบเนียนที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้จะมีเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ แต่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ กลับไม่สามารถจับผิดได้กว่า 30 ปี จนคดีนี้สร้างความเสียหายกว่า 2 ล้านล้านบาท และทำลายชีวิตผู้คนจำนวนมาก เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า “ความน่าเชื่อถือ” โดยไร้การตรวจสอบ อาจนำไปสู่หายนะที่ไม่มีใครคาดคิด.

ถ้าพูดถึงคำว่า “แชร์ลูกโซ่” นักเทรดหลายคนคงส่ายหน้า เพราะนี่คือกับดักสุดคลาสสิกที่ทำลายทั้งเงินในบัญชีและความเชื่อใจในระบบการเงิน แต่ถ้าจะพูดถึงแชร์ลูกโซ่ระดับตำนาน ที่ทั้งโลกต้องจารึก…
ขอแนะนำให้รู้จักกับชายคนนี้ — เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์
อดีตประธานตลาดหุ้นแนสแด็ก ผู้ผันตัวจากนักพัฒนาโครงสร้างตลาด สู่นักต้มตุ๋นระดับจักรวาล ด้วยมูลค่าความเสียหายมากกว่า 2 ล้านล้านบาท
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดทุกคน เจาะลึกชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของ “พ่อมดการเงิน” ผู้ก่อตั้งแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จากเด็กไลฟ์การ์ด... สู่เจ้าพ่อแห่งวอลล์สตรีท
เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ เกิดในปี 1938 ณ ย่านควีนส์ นิวยอร์ก ในครอบครัวผู้อพยพชนชั้นแรงงาน แม้จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่เขาเป็นคนขยันตั้งแต่เด็ก รับจ้างเป็นไลฟ์การ์ด และช่างติดตั้งระบบสปริงเกอร์ จนเก็บเงินได้ก้อนแรกประมาณ 5,000 ดอลลาร์
หลังจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ เขานำเงินนี้ไปก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองในชื่อ Bernard L. Madoff Investment Securities ซึ่งในยุคนั้น ถือว่าเป็นก้าวกระโดดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีพื้นฐานด้านการเงินเลยด้วยซ้ำ

ความสำเร็จที่สร้างขึ้นจาก “ความน่าเชื่อถือ”
บริษัทของแมดอฟฟ์เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการอ้างว่าให้ผลตอบแทน 12–20% ต่อปี “ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร” นี่คือจุดขายที่ฟังดูน่าอัศจรรย์ และแน่นอนว่านักลงทุนก็แห่กันเข้ามา ทั้งเศรษฐี, มูลนิธิ, ดารา, นักการเมือง และแม้แต่สถาบันการเงินชั้นนำของโลก
บริษัทนี้ยังถูกบริหารแบบ “ธุรกิจครอบครัว” ลูกชาย, น้องชาย, ลูกพี่ลูกน้อง รวมถึงพ่อตาซึ่งเป็นนักบัญชี ต่างเข้ามามีส่วนร่วม ทำให้ดูน่าไว้วางใจยิ่งขึ้น
เท่านั้นยังไม่พอ แมดอฟฟ์ยังมีบทบาทสำคัญในวงการ เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Nasdaq และเคยนั่งเก้าอี้ประธานด้วยตนเอง ใครจะไปคิดว่าเบื้องหลังชายคนนี้ กลับซ่อนแผนหลอกลวงที่ซับซ้อนที่สุดไว้
กลยุทธ์แชร์ลูกโซ่ที่แนบเนียนกว่าใคร
แมดอฟฟ์ใช้โมเดลที่เรียกว่า Ponzi Scheme คือการเอาเงินจากนักลงทุนรายใหม่ ไปจ่ายผลตอบแทนให้นักลงทุนรายเก่า วนไปเรื่อย ๆ โดยสร้างเอกสารปลอมว่าเงินเหล่านั้นได้มาจากการลงทุนจริง
เขาหลอกว่ากำลังใช้กลยุทธ์ลงทุนขั้นสูง เช่น split-strike conversion และมีระบบคอมพิวเตอร์ลับที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทุกภาวะตลาด
และเพราะแมดอฟฟ์ไม่เคยอวดโอ่ ไม่เคยโฆษณา กองทุนของเขายิ่งดู “พิเศษ” นักลงทุนบางคนถึงกับรู้สึกว่า ถ้าได้เข้าไปอยู่ในกองทุนนี้คือ “อภิสิทธิ์” จนบางรายถึงขั้นไม่กล้าเลิกลงทุน เพราะกลัวจะไม่มีโอกาสกลับมาอีก

ทำไม ก.ล.ต. ถึงจับไม่ได้เลย?
แม้จะมีคนแจ้งเตือนว่าอะไรบางอย่างดูผิดปกติ โดยเฉพาะนักวิเคราะห์ชื่อ แฮร์รี มาร์โคโปลอส ที่ยื่นรายงานถึง ก.ล.ต. สหรัฐหลายครั้งว่า “ผลตอบแทนของแมดอฟฟ์มันดูดีเกินจริง” แต่ก็ไม่มีการเอาผิดใด ๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการจัดการภายในบริษัทของแมดอฟฟ์ซับซ้อน เขาแยกแผนกธุรกรรมออกจากกัน จำกัดการเข้าถึงข้อมูล และใช้ความน่าเชื่อถือส่วนตัวบังหน้า
เขารอดการตรวจสอบถึง 8 ครั้ง นี่แหละคือช่องโหว่ของระบบที่ทำให้แผนแชร์ลูกโซ่นี้ดำเนินต่อไปได้ยาวนานกว่า 30 ปี
จุดจบที่น่าเศร้า
เมื่อเกิดวิกฤตซับไพรม์ในปี 2008 นักลงทุนแห่ถอนเงินมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ แมดอฟฟ์ไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้อีกต่อไป สัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม เขาสารภาพความจริงกับลูกชาย และในวันที่ 11 ธันวาคม 2008 เขาถูกจับ
คดีนี้สร้างความเสียหายกว่า 64,800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท และเป็นหนึ่งในการฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงิน
ลูกชายคนโตของเขาฆ่าตัวตายในอีก 2 ปีถัดมา ชื่อสกุล “แมดอฟฟ์” ถูกลบออกจากครอบครัว เหล่าผู้เสียหายบางคนก็จบชีวิตลงด้วยความสิ้นหวัง
สรุปส่งท้ายจากแอดเหยี่ยว
แมดอฟฟ์คือคนที่เข้าใจ “จิตวิทยาการลงทุน” ได้ลึกซึ้งที่สุดคนหนึ่ง เขาไม่ได้สร้างผลตอบแทนสูงเวอร์ แต่ให้ผลตอบแทน “ที่ดูสมเหตุสมผลและมั่นคง” ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนอยากได้ที่สุด
สิ่งที่เขาทำไม่ใช่แค่โกงเงิน แต่คือการทำลายความเชื่อมั่นในระบบ และทำให้เรารู้ว่า “ต่อให้ใครดูน่าเชื่อถือแค่ไหน ก็ไม่ควรเชื่อโดยไม่ตรวจสอบ”
นักเทรดอย่างพวกเรา อยู่ในสนามที่เกมเปลี่ยนทุกวินาที ความรู้ และสติ คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
แอดเหยี่ยวอยากฝากไว้ว่า
“ผลตอบแทนดีไม่ควรแปลว่าดีเกินจริง” และคำว่า ‘ไม่มีความเสี่ยง’ อาจจะเป็น ‘ความเสี่ยงที่สุด’ ก็ได้
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

Jarratt Davis จากห้องเล็ก ๆ ในบ้านแม่ สู่รายชื่อนักเทรดระดับโลกที่ใครก็ต้องพูดถึง
Jarratt Davis คือนักเทรดฟันด์ระดับโลกที่เริ่มจากศูนย์ โดยไม่มีพื้นฐานด้านการเงิน แต่สามารถก้าวขึ้นสู่ Top 10 ของโลกจากการจัดอันดับโดย Barclays ได้ ด้วยแนวคิดการเทรดที่เน้น “การเข้าใจเศรษฐกิจจริง” แทนการพึ่งพาเทคนิคอลเพียงอย่างเดียว หลังผ่านความล้มเหลวหลายครั้ง เขาค้นพบว่า ตลาด Forex ขับเคลื่อนด้วยจิตวิทยาและความคาดหวังทางเศรษฐกิจ แนวทาง Fundamental-Based Trading ของเขาชี้ให้เห็นว่า ความรู้ วินัย และการเข้าใจตลาดในเชิงลึก คือหัวใจของความสำเร็จในระยะยาว — ไม่ใช่โชคหรือสูตรลับใด ๆ.

สัมภาษณ์จากคณะกรรมการรางวัล Golden Insight Award ณัฏฐชัย เฉลิมวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดภูมิภาค
บทสัมภาษณ์จากคณะกรรมการรางวัล Golden Insight Award | ณัฏฐชัย เฉลิมวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดภูมิภาค บริษัท MH Markets

เรียนฟอเร็กซ์เสร็จแล้ว ทำอย่างไรให้เป็นมืออาชีพที่ทำกำไรได้
บทความนี้กล่าวถึงเส้นทางของนักเทรดหน้าใหม่หลังจาก เรียนเทรด Forex จบ ซึ่งการเข้าใจทฤษฎีไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดในตลาดจริง เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือ “การบริหารจิตใจและวินัยการเทรด” ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า จากผู้เรียนสู่ผู้เทรดมืออาชีพ ต้องผ่านขั้นตอนการจดจำพื้นฐาน เข้าใจการบริหารความเสี่ยง ฝึกเทรดในบัญชีทดลอง วิเคราะห์ผล และลงมือเทรดจริงอย่างมีระบบ สุดท้ายตลาดจะให้รางวัลกับคนที่มี ความเข้าใจและวินัย มากกว่าคนที่เพียงแค่เข้ามาเร็ว — เพราะ “การเรียนเทรด” คือจุดเริ่มต้น แต่ “การอยู่รอด” คือเป้าหมายสูงสุดของนักเทรด.

Top Down Approach คืออะไร? มองภาพใหญ่ให้ขาด ก่อนตัดสินใจเทรด
แนวคิด Top Down Approach คือการวิเคราะห์ตลาด Forex จากภาพใหญ่ระดับโลกลงสู่จุดเข้าเทรดในกราฟ เทคนิคนี้ช่วยให้นักเทรดเข้าใจแนวโน้มเศรษฐกิจและเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ชัดเจน ลดความเสี่ยงจากการเทรดตามอารมณ์ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาค → ความแข็งอ่อนของสกุลเงิน → เลือกคู่เงิน → หาจุดเข้าออกด้วยเทคนิคอล จุดเด่นของแนวทางนี้คือช่วยให้เทรดสอดคล้องกับเทรนด์ใหญ่ เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของราคา และวางกลยุทธ์ได้เหมือนนักเทรดมืออาชีพที่ “มองภาพรวมก่อนลงมือเทรดจริง”
WikiFX โบรกเกอร์
InteractiveBrokers
FOREX.com
GTCFX
Exness
octa
D prime
InteractiveBrokers
FOREX.com
GTCFX
Exness
octa
D prime
WikiFX โบรกเกอร์
InteractiveBrokers
FOREX.com
GTCFX
Exness
octa
D prime
InteractiveBrokers
FOREX.com
GTCFX
Exness
octa
D prime

