简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
เปรียบเทียบให้ชัด! ตลาดฟอเร็กซ์ กับสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างกันยังไง?
บทคัดย่อ:ตลาด Forex กับ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นั้นเหมือนหรือต่างกันยังไง?

แอดเหยี่ยวมาพร้อมกับข้อมูลดี ๆ อีกเช่นเคยครับ! หลายคนที่กำลังเทรด หรือคิดจะเริ่มต้นในโลกการลงทุน อาจเคยสงสัยว่า ตลาด Forex กับ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ นั้นเหมือนหรือต่างกันยังไง? แถมยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกลงทุนแบบไหนถึงจะเหมาะกับตัวเอง วันนี้แอดจะพาทุกคนมาหาคำตอบกันแบบละเอียดเลยครับ
ตลาด Forex คืออะไร?
เริ่มกันที่ ตลาด Forex กันก่อนครับ Forex ย่อมาจาก “The Foreign Exchange Market” หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินระหว่างประเทศ นั่นเอง
ในตลาดนี้จะเน้นการเทรดคู่สกุลเงิน เช่น EUR/USD, GBP/USD ฯลฯ โดยเป้าหมายหลักคือเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาสกุลเงินครับ จุดเด่นของ Forex คือ สภาพคล่องสูง และ ปริมาณการซื้อขายมหาศาล เพราะมีผู้เล่นในตลาดทั่วโลก ทั้งธนาคารกลาง, สถาบันการเงิน, ไปจนถึงนักลงทุนรายย่อยแบบเรา ๆ
สำหรับสายเทรดที่อยากได้กำไรเร็ว ๆ หรือใช้เครื่องมือช่วยเพิ่มกำไรอย่าง Leverage ตลาด Forex ก็นับว่าตอบโจทย์สุด ๆ ครับ
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ คืออะไร?
มาต่อกันที่ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) กันบ้างครับ สินค้าโภคภัณฑ์คือสินค้าที่เราสามารถซื้อขายได้ทั่วโลก เช่น น้ำมัน, ทองคำ, ข้าวโพด, หรือกาแฟ โดยสินค้าเหล่านี้มักมีมาตรฐานเหมือนกันไม่ว่าจะซื้อจากประเทศไหน
การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่จะทำผ่าน สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา อีกทั้งยังเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ กระจายพอร์ตการลงทุน และป้องกันความเสี่ยงจากตลาดการเงินอื่น ๆ
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีจุดเด่นตรงที่ต้นทุนการทำธุรกรรมต่ำ และมีสินค้าหลากหลายให้เลือกตามฤดูกาล เช่น สินค้าเกษตรที่อาจมีราคาขึ้นลงตามสภาพอากาศ

ความแตกต่างที่สำคัญ
ทั้งสองตลาดมีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่ก็มีจุดต่างที่นักเทรดควรรู้ครับ
- ความผันผวนของราคา
- Forex: ราคาผันผวนมากกว่า เพราะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การเมือง, เศรษฐกิจ, สงคราม หรือภัยพิบัติ
- สินค้าโภคภัณฑ์: ราคามักเสถียรกว่า เพราะขึ้นอยู่กับความต้องการในตลาดและปัจจัยพื้นฐาน เช่น ผลผลิตทางการเกษตร หรืออุปทานน้ำมัน
- สภาพคล่อง
- Forex: มีสภาพคล่องสูงมาก การซื้อขายเกิดขึ้นแทบจะทุกวินาที
- สินค้าโภคภัณฑ์: สภาพคล่องต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Forex
- การกระจายความเสี่ยง
- Forex: เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น หรือการเทรดที่ต้องการผลตอบแทนรวดเร็ว
- สินค้าโภคภัณฑ์: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ต หรือป้องกันความเสี่ยงจากตลาดการเงินอื่น
สรุป
ทั้งตลาด Forex และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีจุดเด่นที่ต่างกันครับ การเลือกตลาดที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ เป้าหมายการลงทุน และ สไตล์การเทรด ของแต่ละคน
ถ้าคุณเป็นสายเก็งกำไรชอบความเร็วและความตื่นเต้น ตลาด Forex อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่! แต่ถ้าชอบความเสถียรและต้องการกระจายความเสี่ยง สินค้าโภคภัณฑ์ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี
แอดเหยี่ยวหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อน ๆ นักเทรดมีความเข้าใจมากขึ้น และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ศึกษาให้รอบคอบก่อนเทรดเสมอนะครับ!
ขอบคุณข้อมูลจาก tradewithauntie
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เด็กชาวไร่สู่นักเทรดระดับตำนาน เส้นทางชีวิต Jesse Livermore
Jesse Livermore เริ่มจากเด็กชาวไร่ไร้ทุน กลายเป็นหนึ่งในนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วอลล์สตรีท เขาอ่านเกมตลาดเหมือนอ่านใจคน และสร้างกำไรระดับ “รวยข้ามยุค” แม้ในยุคก่อนกราฟแท่งเทียนหรือ Forex แนวคิดของเขาเรื่องจิตวิทยาตลาด วินัย และการบริหารความเสี่ยงด้วย Stop Loss ยังคงถูกนำมาใช้ในตลาด Forex ทุกยุค Livermore สอนให้เทรดเดอร์เข้าใจว่า ตลาดขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล ความสำเร็จมาจากการสังเกตราคา อ่านสัญญาณตลาด และพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่โชคหรือดวงเพียงอย่างเดียว.

เสริมพลังด้วยความรู้ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน: โครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน
กิจกรรมโครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน

Headway เหมาะกับคนไทยไหม? รวมเสียงจากผู้ใช้จริง โบรกหน้าใหม่ใช่สำหรับเราไหม
รีวิวโบรกเกอร์

ไม่รู้เวลาเปิด-ปิดตลาด Forex = เสี่ยงพลาดโอกาส! มือใหม่ต้องอ่าน
การรู้ว่า ตลาด Forex ปิดกี่โมง ไม่ใช่แค่ข้อมูลพื้นฐาน แต่คือปัจจัยสำคัญที่กำหนดจังหวะและโอกาสในการเทรด บทความนี้อธิบายเวลาเปิด-ปิดของ 4 ตลาดหลักทั่วโลก ได้แก่ ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก พร้อมชี้ว่าช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กซ้อนกันคือช่วงที่ความผันผวนสูงสุด เหมาะกับการเทรดคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD การเข้าใจช่วงเวลาตลาดช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์ได้แม่นยำ ลดความเสี่ยง และใช้จังหวะตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดไทยที่ต้องปรับเวลาเทรดให้เหมาะกับสภาพตลาดโลก
WikiFX โบรกเกอร์
EC Markets
ATFX
FXTM
D prime
FOREX.com
Ultima
EC Markets
ATFX
FXTM
D prime
FOREX.com
Ultima
WikiFX โบรกเกอร์
EC Markets
ATFX
FXTM
D prime
FOREX.com
Ultima
EC Markets
ATFX
FXTM
D prime
FOREX.com
Ultima
