简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
Technical Analysis vs Fundamental Analysis: การวิเคราะห์แบบไหนดีกว่ากัน?
บทคัดย่อ:การวิเคราะห์ทางเทคนิค vs. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แบบไหนดีกว่ากัน? จากสถิติพบว่า ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานสามารถช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้ หากเลือกใช้วิธีที่เหมาะกับตนเอง ในความเป็นจริง นักลงทุนสามารถผสานการวิเคราะห์ทั้งสองแบบเพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่เทรดมาได้สักพักแล้วน่าจะรู้จักการวิเคราะห์แบบTechnical Analysis และแบบ Fundamental Analysis กันมาบ้างแล้ว แต่อาจจะสงสัยหรืออาจจะยังเลือกไม่ได้ ว่าการวิเคราะห์สองแบบนี้ต่างกันอย่างไรแล้วแบบไหนที่ดีกว่ากัน ด้วยเหตุนี้แอดเหยี่ยวได้สรุปมาให้แล้วแบบเข้าใจง่ายๆในบทความนี้เลย
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) คืออะไร?
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคคือ การศึกษากราฟเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาของสินทรัพย์ในอนาคต โดยอ้างอิงข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาในอดีต ผู้วิเคราะห์สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการได้ตามต้องการ
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีประสิทธิภาพ ได้แก่ สภาพคล่องสูง ราคาที่ไม่ถูกแทรกแซง และการขาดข่าวที่ส่งผลกระทบรุนแรง หากสินทรัพย์ที่วิเคราะห์ขาดองค์ประกอบเหล่านี้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจด้อยประสิทธิภาพลง
จุดเด่นของการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
มีคำกล่าวว่า “ทุกปัจจัยได้สะท้อนอยู่ในกราฟราคาแล้ว” ทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคสะดวกและรวดเร็ว ข้อมูลที่ได้มักจะอยู่ในรูปแบบตัวเลข ทำให้สามารถสร้างกลยุทธ์การลงทุนได้ง่ายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
จุดด้อยของการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค
การวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมถึงความเข้าใจในเครื่องมือที่ใช้ เช่น Relative Strength Index (RSI), Moving Average (MA) และเครื่องมืออื่น ๆ หากไม่มีความเข้าใจเพียงพอ การวิเคราะห์อาจไม่ได้ผลเต็มประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คืออะไร?
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคือ การพิจารณาสถานะโดยรวมของสินทรัพย์ เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง อุปสงค์-อุปทาน และข่าวต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา จึงเรียกได้ว่าเป็นการวิเคราะห์จาก “ข่าว” ที่เกี่ยวข้อง เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ความขัดแย้ง และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างอัตราจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ในตลาด
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมุ่งหาความเป็นไปได้ที่มูลค่าสินทรัพย์จะเติบโตจากปัจจัยเหล่านี้ หากผลการวิเคราะห์ชี้ว่ามีโอกาสเติบโต นักลงทุนจะทำการซื้อและถือครองเพื่อรอทำกำไรในอนาคต
ข้อดีของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว เนื่องจากช่วยให้นักลงทุนเข้าใจศักยภาพในการเติบโตของสินทรัพย์และมุมมองภาพรวมของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ข้อเสียของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์นี้ต้องการข้อมูลจำนวนมาก ทั้งในแง่ของสินทรัพย์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์เศรษฐกิจ และข่าวสารต่าง ๆ นอกจากนี้ ข้อมูลเหล่านี้มักไม่มีผลกระทบต่อราคาในระยะสั้น จึงไม่เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะสั้น
สรุป: การวิเคราะห์ทางเทคนิค vs. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แบบไหนดีกว่ากัน?
จากสถิติพบว่า ทั้งการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานสามารถช่วยให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้ หากเลือกใช้วิธีที่เหมาะกับตนเอง ในความเป็นจริง นักลงทุนสามารถผสานการวิเคราะห์ทั้งสองแบบเพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุน ควรศึกษาทั้งสองวิธีการวิเคราะห์ และนำมาใช้เสริมกันเพื่อการลงทุนที่ครอบคลุมและแม่นยำมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก BITKUB
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

เด็กชาวไร่สู่นักเทรดระดับตำนาน เส้นทางชีวิต Jesse Livermore
Jesse Livermore เริ่มจากเด็กชาวไร่ไร้ทุน กลายเป็นหนึ่งในนักเก็งกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วอลล์สตรีท เขาอ่านเกมตลาดเหมือนอ่านใจคน และสร้างกำไรระดับ “รวยข้ามยุค” แม้ในยุคก่อนกราฟแท่งเทียนหรือ Forex แนวคิดของเขาเรื่องจิตวิทยาตลาด วินัย และการบริหารความเสี่ยงด้วย Stop Loss ยังคงถูกนำมาใช้ในตลาด Forex ทุกยุค Livermore สอนให้เทรดเดอร์เข้าใจว่า ตลาดขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ ไม่ใช่เหตุผล ความสำเร็จมาจากการสังเกตราคา อ่านสัญญาณตลาด และพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่โชคหรือดวงเพียงอย่างเดียว.

เสริมพลังด้วยความรู้ ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน: โครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน
กิจกรรมโครงการให้ความรู้แก่นักลงทุน

Headway เหมาะกับคนไทยไหม? รวมเสียงจากผู้ใช้จริง โบรกหน้าใหม่ใช่สำหรับเราไหม
รีวิวโบรกเกอร์

ไม่รู้เวลาเปิด-ปิดตลาด Forex = เสี่ยงพลาดโอกาส! มือใหม่ต้องอ่าน
การรู้ว่า ตลาด Forex ปิดกี่โมง ไม่ใช่แค่ข้อมูลพื้นฐาน แต่คือปัจจัยสำคัญที่กำหนดจังหวะและโอกาสในการเทรด บทความนี้อธิบายเวลาเปิด-ปิดของ 4 ตลาดหลักทั่วโลก ได้แก่ ซิดนีย์ โตเกียว ลอนดอน และนิวยอร์ก พร้อมชี้ว่าช่วงที่ตลาดลอนดอนและนิวยอร์กซ้อนกันคือช่วงที่ความผันผวนสูงสุด เหมาะกับการเทรดคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD การเข้าใจช่วงเวลาตลาดช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์ได้แม่นยำ ลดความเสี่ยง และใช้จังหวะตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดไทยที่ต้องปรับเวลาเทรดให้เหมาะกับสภาพตลาดโลก
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
HFM
XM
octa
FOREX.com
STARTRADER
JustMarkets
HFM
XM
octa
FOREX.com
STARTRADER
WikiFX โบรกเกอร์
JustMarkets
HFM
XM
octa
FOREX.com
STARTRADER
JustMarkets
HFM
XM
octa
FOREX.com
STARTRADER
