简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
วิเคราะห์ราคาทองคำ (XAUUSD)
บทคัดย่อ:สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันหลักมาจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงสู่ระดับ 326,000 ราย
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงกดดันหลักมาจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงสู่ระดับ 326,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ศ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ํากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 345,000 ราย ประกอบกับสหรัฐสามารถ หลีกเลี่ยงการผิดนัดชําระหนี้ในเดือนนี้ได้

หลังจากเมื่อคืนนี้ วุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ ก่อนที่เข้านี้ตามเวลาไทย วุฒิสภาเพิ่งลงมติ “อนุมัติ” ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของ สหรัฐอีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง สะท้อนจากดัชนีดาว โจนส์ที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ซึ่งกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้างซึ่งรวมถึงทองคํา ขณะที่แรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยนั้นหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สหรัฐอายุ 10 ปี ให้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.55% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคําเพิ่ม

ส่งผลให้ราคาทองคําร่วงทดสอบระดับต่ําสุดบริเวณ 1,751.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของทองคํา เป็นไปอย่างจํากด้เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากแรงขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับ วันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานสหรัฐประจําเดือนก.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะส่งผลต่อการคาดการณ์การดําเนิน นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟต) และมีแนวโน้มจะส่งผลให้ราคาทองคําเคลื่อนไหวผันผวน
หากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือ 1,769-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้มี แนวโน้มอ่อนตัวลงสู่บริเวณ 1,751-1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในโซนแนวรับ ต้องจับตาแรงซื้อเก็งก าไรที่อาจเพิ่มสูงขึ้น แต่หากไม่สามารถยืนได้ราคาอาจอ่อนตัว ลงทดสอบโซนแนวรับสำคัญโซน 1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ

คําแนะนํา เน้นการซื้อขายทํากําไรระยะสั้น โดยเปิด สถานะขายในโซน 1,769-1,771 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หวัง เข้าซื้อคืนหากราคาไม่หลุดแนวรับโซน 1,747-1,735 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้ชะลอ การปิดสถานะขายไปที่แนวรับถัดไป

แนะนำฟีเจอร์ “การเปิดเผย” เราแนะนำถ้าโดนโบรกเกอร์โกง คุณสามารถมาร้องเรียนโบรกเกอร์ในนี้ได้ หรือถ้าคุณอยากดูรีวิวโบรกเกอร์จากผู้ใช้จริง สามารถกดเข้าไปที่ ‘การเปิดเผย’ และคุณจะเจอการร้องเรียนโบรกเกอร์ Forex จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อใช้พิจารณาการเลือกโบรกเกอร์!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

ติดดอยเพราะทอง หรือเพราะใจ? ทำไมทองคำถึงพามือใหม่ขึ้นดอยได้ในพริบตา
การ “ติดดอยทองคำ” คือภาวะที่นักลงทุนซื้อทองในช่วงราคาสูง ก่อนที่ราคาจะร่วงลงจนเกิดการขาดทุน ซึ่งมักเกิดจากจิตวิทยาการลงทุน เช่น ความโลภและความกลัวพลาด (FOMO) ราคาทองคำโลกมีรอบขึ้นลงตามเศรษฐกิจ เช่น วิกฤตปี 2008 และช่วง COVID-19 ทำให้นักเทรดต้องเรียนรู้การวิเคราะห์จังหวะซื้อขายและควบคุมอารมณ์ บทเรียนสำคัญคือ “ติดดอยไม่ใช่ความล้มเหลว” แต่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจตลาดและพัฒนากลยุทธ์การลงทุนอย่างมีวินัย

สินทรัพย์ปลอดภัยกลายเป็นดาบสองคม ทองคำกำลังเข้าสู่ยุคฟองสบู่? เสี่ยงติดดอย 20 ปี
ราคาทองคำร่วงแรงกว่า 5.5% ในวันเดียว สะท้อนภาวะการปรับฐานครั้งใหญ่และทำให้นักลงทุนตั้งคำถามถึงฟองสบู่ทองคำ ทองคำแม้ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในแง่การลงทุนกลับมีความเสี่ยงสูง ทั้งจากความผันผวนและระยะเวลาฟื้นตัวที่ยาวนานกว่า หุ้นหรือคริปโต ดังนั้นผู้ลงทุนควรเข้าใจวัฏจักรตลาด กระจายพอร์ต และไม่เทน้ำหนักทั้งหมดในทองคำ

ราคาทองคำร่วงแรงกว่า $118 นักลงทุนเทขายหลังสัญญาณเจรจาการค้าสหรัฐ–จีนคืบหน้า
บทวิเคราะห์ทองคำ

เกิดอะไรขึ้นกับทองคำ? เปิดเหตุผลการร่วงครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 12 ปี
เมื่อคืนวันที่ 21–22 ตุลาคม 2025 ราคาทองคำร่วงแรงที่สุดในรอบหลายปี โดยได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ดอกเบี้ยเฟดยังสูง ดอลลาร์แข็งค่า ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น แรงขายทางเทคนิค และความเชื่อมั่นนักลงทุนที่หันไปถือสินทรัพย์เสี่ยงแทน การปรับตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างนโยบายการเงิน สภาพเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของตลาดทองคำ แนะนำให้นักลงทุนมองเป็นโอกาสเรียนรู้และประเมินความเสี่ยง แทนการมองเป็นวิกฤต.

